24.11.15

On the other hand กับ In the other hand

On the other hand กับ In the other hand ใช้แทนกันได้ปะ? แล้วใช้งานอย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงนะครับสองประโยคนี้มีการนำไปใช้งานสลับไปมามั่วไปหมด เนื่องด้วยความต่างแค่ On และ In อย่างไรก็ตามทั้งสองประโยคนี้มีการใช้งานต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ เราลองมาดูกัน
On the other hand เนี้ยมันทำหน้าที่เป็นสำนวน (idiom) ครับ ซึ่งเราจะใช้เจ้าสำนวนนี้ด้วยกันสองกรณีก็คือ
1) แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังพูดถึงอยู่ เช่น On the one hand I really love her, but on the other hand she does not love me at all. (แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งกับประโยคที่ได้กล่าวมาข้างต้นอย่างชัดเจน แปลก็คือ ฉันเนี้ยรักเธอมาก แต่ในทางกลับกันอะเธอไม่เคยรักฉันเลย เศร้าจุงเบย T_T)
2) ใช้สำหรับบอกทางเลือกให้กับผู้ฟังเพิ่มเติม เช่น Going the Bangkok is really magnificent, however on the other hand Australia has to be considered as well. (คือไปกรุงเทพเนี้ยโอเคนะ แต่อีกทางนึงออสเตรเลียก็น่าสนใจ น่านำมาพิจารณาไม่แพ้กัน - เป็นการบอกทางเลือกนั่นเอง)
In the other hand ตัวนี้ไม่ได้เป็่นสำนวนนะครับ เราจะเอาไปใช้กับประโยคข้างบนไม่ได้นะครับ จะผิดทันที In the other hand ก็คือการนำมาใช้ในประโยคทั่วๆ ไปนั่นเอง ว่าอะไรอยู่ในมืออีกข้างนึง เช่น I was holding the book in the other hand. ฉันอะถือหนังสืออยู่อีกข้างนึงนะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสำนวนนะครับ
ทีนี้ใช้ไม่ผิดแล้วนะ ขอตัวไปนอนก่อน แล้วเจอกันใหม่จ้า ขอให้เก่งๆ กันทุกคนครับ ^^
ฮาร์ท at ซิดนีย์

27.5.15

Confusing Words(1)


ศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักใช้กันอย่างสับสน ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

คำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีอยู่จำนวนมากที่ออกเสียงหรือเขียนคล้ายคลึงกันมาก ทำให้เราเกิดความสับสนอยู่บ่อยๆ จนไม่แน่ใจว่า คำไหนควรใช้อย่างไร และคำไหนที่แปลตรงกับความต้องการของเรา เรามาดูกันค่ะว่า มีอะไรบ้างที่ใช้กันบ่อย แต่จริงๆ แล้วยังมีมากกว่าที่เรายกตัวอย่างมาให้ดูกันนะคะ

☆ dessert กับ desert

เป็นคู่ศัพท์ที่ใช้ผิดกันบ่อยมาก เนื่องจากความต่างอยู่ที่มี s เพียงตัวเดียวกับมี s สองตัว

"dessert" (อ่านว่า ดิ-เสิท) เป็นคำนาม แปลว่า "ของหวาน" สังเกตว่าจะมี s สองตัว

ส่วนคำที่มี s ตัวเดียว คือ "desert" (อ่านว่า เดส-เอิท) เป็นคำนามเช่นเดียวกัน แปลว่า "ทะเลทราย"

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ accept กับ except

คำคู่นี้ นอกจากเขียนคล้ายกันแล้วยังออกเสียงคล้ายกันอีกด้วย แต่ถ้าถามความหมายแล้ว ตรงข้ามกันเลยทีเดียว โดย "accept" (อ่านว่า แอ็ค-เซพท) เป็นคำกริยา แปลว่า "ยอมรับ, ตกลง" ส่วน "except" (อ่านว่า เอ็ก-เซพท) เป็นคำกริยาที่แปลว่า "ยกเว้น"

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ borrow กับ lend

คำศัพท์คู่นี้ไม่ได้สับสนที่การเขียนแต่สับสนที่ความหมาย เพราะทั้งคู่เป็นคำกริยา แปลว่า "ยืม" เหมือนกัน แต่ "borrow" (อ่านว่า บอ-โร) หมายถึง "ขอยืม" ส่วน "lend" (อ่านว่า เล็นด) หมายถึง "ให้ยืม" ยกตัวอย่างเช่น

Can I borrow your car? (ฉันขอยืมรถเธอได้หรือเปล่า)
Sorry, I can't lend it to you today. (ขอโทษด้วยนะ วันนี้ฉันให้เธอยืมไม่ได้)

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ affect กับ effect

สองคำนี้ คำหนึ่งเป็นคำกริยา คือ "affect" (อ่านว่า แอ็ฟ-เฟคท) แปลว่า "กระทบกระเทือน" ส่วนอีกคำเป็นคำนาม คือ "effect" (อ่านว่า เอ็ฟ-เฟคท) แปลว่า "ผล, ผลกระทบ" ยกตัวอย่างเช่น

The effect of the war is enormous, it has affected all sectors of the economy. (ผลกระทบของสงครามนั้นใหญ่หลวงมาก, มันกระทบกระเทือนทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ)

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ home กับ house

แม้เป็นคำที่สุดแสนจะง่าย แต่บ่อยครั้งก็ทำให้สับสนได้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ต้องใช้ home เมื่อไหร่ต้องใช้ house หลักในการจำก็คือ "home" (อ่านว่า โฮม) แปลว่า "บ้าน" ในเชิงของการเป็นครอบครัว หรือใช้ในความหมายว่า บ้านเกิด ส่วน "house" (อ่านว่า เฮาซ) แปลว่า "บ้าน" ในเชิงของสิ่งก่อสร้างที่เป็นหลังๆ

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ excuse me กับ sorry

ทั้งสองคำนี้แปลเหมือนกันว่า "ขอโทษ" แต่ "excuse me" (อ่านว่า เอ็คซ-คยูส-มี) เป็นการขอโทษเพื่อจะขอรบกวนอะไรบางอย่างต่อไป หรือขอโทษเพื่อจะขัดจังหวะการทำอะไรบางอย่าง เช่น

Excuse me, could I get pass ? (ขอโทษครับ ขอทางผ่านหน่อยได้ไหมครับ)

ส่วน "sorry" (อ่านว่า ซอ-ริ) เป็นการขอโทษเพื่อแสดงความเสียใจ เช่น

Sorry, did I step on your foot ? (ขอโทษค่ะ ฉันเหยียบเท้าคุณใช่ไหมคะ)

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ climate กับ weather

"climate" (อ่านว่า คไล-มิท) เป็นคำนาม แปลว่า "ภูมิอากาศ" ใช้ในกรณีที่พูดอย่างกว้างๆ หรือทั่วๆ ไป เช่น

Do you like the climate of Japan ? (คุณชอบภูมิอากาศของประเทศญี่ปุ่นไหม)

แต่ "weather" (อ่านว่า เวฑ-เออะ) เป็นคำนาม แปลว่า "สภาพอากาศ" ใช้ในกรณีที่เราพูดโดยระบุเจาะจงถึงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง เช่น

Yesterday the weather was very cold. (เมื่อวานอากาศหนาวจัดมาก)

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ ship กับ boat

เป็นอีกสองคำที่ใครก็แปลออกว่า "เรือ" แต่หลายคนยังไม่รู้ว่ามันใช้ต่างกันอย่างไร จริงๆ แล้ว "ship" (อ่านว่า ฌิพ) หมายถึงเรือขนาดใหญ่ หรือเรือทะเล ส่วน "boat" (อ่านว่า โบท) จะหมายถึงเรือที่มีขนาดเล็กกว่า หรือเรือในแม่น้ำลำคลอง

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ reward กับ award

ทั้งสองคำนี้แปลว่า "รางวัล" แตกต่างกันที่ "reward" (อ่านว่า ริ-วอด) คือ รางวัลที่มอบให้เพื่อตอบแทนการกระทำบางอย่าง เช่น รางวัลที่แม่ให้เพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ส่วน "award" (อ่านว่า อะ-วอด) คือรางวัลอันทรงเกียรติที่ต้องผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ เช่น รางวัลออสการ์

﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

☆ massage กับ message

สองคำนี้เขียนต่างกันเพียงตัวอักษรเดียว และมักจะใช้กันผิดบ่อยๆ คำแรกคือ "massage" (อ่านว่า มัซ-ซาฉ) เป็นคำนาม แปลว่า "การนวดกล้ามเนื้อ" ส่วนคำหลังคือ "message" (อ่านว่า เมซ-ซิจ) เป็นคำนาม แปลว่า "ข้อความ, สาร"... (ดูเพิ่มเติม)
--------------------------------
Link : http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=96678
--------------------------------
Hashtag : #เรื่องน่ารู้ #เรื่องน่ารู้ภาษาอังกฤษ #ภาษาอังกฤษ #tips #tricks #คำศัพท์ #คำศัพท์ชวนงง #ศัพท์ภาษาอังกฤษ

10.5.15

TOEIC (Make,Let,Have)






ดูจากโจทย์ก็งงๆ บางข้อเหมือนกัน
แต่หลักน่าจะเกี่ยวกับการใช้ verb หลัก,verbเสริม
--------------------------

ข้อ1=ข้อ4=ข้อ9 
น่าจะเป็นโครงสร้าง
{make,have,let }
+ someone
+ do(V.1) + something
--------------------------
ข้อ2=ข้อ7
น่าจะโครงสร้าง
{ get, have }
+something +done)V.3)
--------------------------
ได้มา 5 ข้อ
(ที่เหลือฝากด้วย555)
ผิดพลาดที่ใด เพิ่มเติมได้ครับ


 ความเห็นที่ 2 คือ ข้อ 2,5,7,10 ถูกกระทำ เลยต้องตามด้วยV3








Source here
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1090377590978293&set=gm.1381708605462109&type=1&theater